วันศุกร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2561

สรุปการศึกษาดูงานบริษัท ชลประทานซีเมนต์ จำกัด (มหาชน)และ SCG PAPER โรงงานบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี


สรุปการศึกษาดูงาน

บริษัท ชลประทานซีเมนต์ จำกัด (มหาชน)




       เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลง รัฐบาลไทยในขณะนั้นได้กำหนดนโยบายเร่งด่วนในการฟื้นฟูและ พัฒนาประเทศ และโดยที่ไฟฟ้าเป็นปัจจัยสำคัญขั้นพื้นฐานในการพัฒนาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม รัฐบาลจึงได้มีมติให้สร้างเขื่อนอเนกประสงค์เพื่อใช้ผลิตกระแสไฟฟ้า และเพื่อประโยชน์ในด้านการชลประทานขึ้นเป็นแห่งแรกในประเทศไทยที่ อำเภอสามเงา จังหวัดตาก โดยได้รับพระราชทานพระปรมาภิไธยให้เป็นชื่อของเขื่อนแห่งนี้ว่า "เขื่อนภูมิพล" การก่อสร้างเขื่อนภูมิพลจำเป็นต้องใช้ปูนซีเมนต์อย่างต่อเนื่อง เป็นจำนวนรวมทั้งสิ้นประมาณ 300,000 ตัน ดังนั้น เพื่อป้องกันมิให้เกิดการขาดแคลนปูนซีเมนต์ในระหว่างการก่อสร้างรัฐบาลจึงได้มอบหมายให้กรมชลประทานซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบโครงการก่อสร้างเขื่อนภูมิพล ดำเนินการจัดตั้งโรงงานปูนซีเมนต์ขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์หลักคือ เพื่อผลิตปูนซีเมนต์สำหรับใช้ในการก่อสร้างเขื่อนแห่งนี้้

           บริษัท ชลประทานซีเมนต์ จำกัด จดทะเบียนก่อตั้งเมื่อวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2499 ต่อมาในปี พ.ศ. 2501 บริษัทฯ ได้ทำการก่อสร้างโรงงานปูนซีเมนต์แห่งแรกขึ้นที่ อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ไปทางเหนือประมาณ 185 กิโลเมตร ในระยะแรกโรงงานมีกำลังการผลิตปูนซีเมนต์วันละ 360 ตัน และต่อมาได้มีการปรับปรุงเป็นระยะๆ จนกระทั่งปัจจุบันนี้โรงงานตาคลีมีกำลังการผลิตปูนซีเมนต์ 2,700 ตันต่อวัน
           เมื่อความต้องการปูนซีเมนต์ในประเทศมีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น บริษัท ชลประทานซีเมนต์ จำกัด จึงได้สร้างโรงงานปูนซีเมนต์แห่งที่สองขึ้นที่ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 200 กิโลเมตร การก่อสร้างโรงงานชะอำเริ่มต้นในปี พ.ศ. 2512 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2514 และ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดโรงงาน เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2514 ในระยะแรกโรงงานชะอำมีกำลังการผลิตปูนซีเมนต์ได้วันละ 1,560 ตัน ต่อมาได้มีการปรับปรุงเพื่อขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น โดยการปรับปรุงในระยะแรกได้แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2533 ทำให้มีกำลังการผลิตปูนซีเมนต์เพิ่มขึ้นเป็น 2,100 ตันต่อวัน และเมื่อการปรับปรุงในระยะที่สองแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2525 กำลังการผลิตปูนซีเมนต์ของโรงงานชะอำจึงเพิ่มขึ้นเป็นวันละ 2,700 ตัน

โดยประจุบันบริษัทได้มีการร่วมมือกับบริษัทปูนเอเซีย เพื่อร่วมมือทางธุรกิจและมีผลิตภัณฆ์หลากหลาย เช่น
          ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ประเภท I ; I.work บัวแดง , I.pro บัวแดง เอ๊กซ์ตร้า
          ปูนซีเมนต์ผสม; I.pro บัวเขียว I.pro บัวฟ้า I.pro บัวซูเปอร์
          ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ประเภท III ; I.speed บัวดำ
          ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ประเภท V ;  I.idro บัวฉลาม
     ปูนซีเมนต์สำหรับงานขุดเจาะบ่อน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ;  I.tech Well Cement
          ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก; I.pro บัวแดงไฮเทค
ปูนสำเร็จรูป บัวมอร์ตาร์ เบสิค มี 4  ประเภท
          I.pro บัวมอร์ตาร์ : ฉาบทั่วไป
          I.pro บัวมอร์ตาร์ : ก่อทั่วไป
          I.pro บัวมอร์ตาร์ : ฉาบอิฐมวลเบา
          I.pro บัวมอร์ตาร์ : ก่ออิฐมวลเบา
ปูนสำเร็จรูป บัวมอร์ตาร์เทคนิคคอลมอร์ตาร์ มี 7 ประเภท
          I.pro บัวมอร์ตาร์ กาวซีเมนต์ FIX
          I.pro บัวมอร์ตาร์ กาวซีเมนต์ FIX XL
          I.pro บัวมอร์ตาร์ สกิมโค้ท สีเทา
          I.design บัวมอร์ตาร์ สกิมโค้ท สีขาว
          ในปี พ.ศ. 2546 บริษัท ชลประทานซีเมนต์ จำกัด และบริษัท ปูนซีเมนต์เอซีย จำกัด (มหาชน) ได้ผนวกการบริหารงานเข้าด้วยกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านการบริการ เสริมความแข็งแกร่งทางธุรกิจ และรวมการบริหารจัดการทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกันเพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน อาทิ บัญชีและการเงิน การตลาดและการขาย การผลิต การจัดซื้อและจัดหา ทรัพยากรบุคคล และอื่นๆ ภายใต้การบริหารงานของทีมงานมืออาชีพ ทำให้ในปัจจุบันบริษัทฯ สามารถสนองตอบความต้องการของลูกค้าในด้านต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น



SCG PAPER โรงงานบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี






          บริษัท สยามคราฟท์อุตสาหกรรม จำกัด หรือ SKIC ดำเนินธุรกิจกระดาษบรรจุภัณฑ์ ในเอส ซีจี เปเปอร์ ผู้นำด้านการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์คุณภาพ เป็นผู้ผลิตรายแรกในประเทศไทย และ ปัจจุบนเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยฐานการผลิตทั้งในประเทศไทย เวียดนาม และ ฟิลิปปินส์ โดยมีกำลังการผลิตรวมประมาณปีละ 2.3 ล้านตัน ด้วยเครื่องผลิต กระดาษมากถึง 15 เครื่อง และ มีกระบวนการควบคุมคุณภาพได้ตามมาตรฐานสากล
          จึงสามารถผลิตสินค้า ตอบสนองความต้องการใช้งานของลูกค้าในหลากหลาย อุตสาหกรรมได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ บริษัท เวสท์โคสท์เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด หรือ  WCE ได้รับความไว้วางใจจาก SKIC ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาดำเนินงานในสายธุรกิจวิศวกรรมจัดหา และ ก่อสร้าง ให้บริการ Intergraded  EPC อย่างครบวงจร อาทิ งาน SKIC Banpong Coal Warehouse and Coal Handling System มูลค่า 180 ล้านบาท ,งาน EPC SKIC PM#16 BOP Utility Tie – in work (LP –steam ,Condensate, Deep well water ,Mill & Effluent water fire fighting pipe ) มูลค่า 51 ล้านบาท เป็นต้น

ที่มาhttp://www.wce.co.th/news_detail2556.php?id=101

สรุปและประโยชน์ที่ได้รับจากการศึกศึกษาดูงาน
       ได้รู้ถึงกระบวนการทำงานต่างๆและกระบวนการผลิตของทั้ง2บริษัท ได้เห็นการทำงานของฝ่ายหรือแผนกต่างๆอย่างมีประสิทธิภาพ ได้เรียนรู้ ได้ประสบการณ์ ได้ความเข้าใจ ความคิด ความสัมพันธ์ ในการดำเนินงาน
       ในการจัดกิจกรรมศึกษาดูงานให้กับนักศึกษา ดิฉันได้ตระหนักว่ากิจกรรมนั้นเพื่อประโยชน์ต่อตัวเราทั้งด้านการเรียนการสอน และการประกอบอาชีพต่อไปในอนาคต ไม่ใช่เพื่อแค่ได้เที่ยวสนุกสนาน และเรายังได้รับทราบถึงแนวคิด และความต้องการของผู้ประกอบการ ซึ่งเป็นตลาดแรงงานที่เราจะป้อนเราให้ ทราบว่าผู้บริโภค หรือตลาดต้องการนักศึกษาที่มีคุณสมบัติในด้านใด แล้วเรานำมาปรับปรุงให้มีความรู้ความสามารถ ตรงตามความต้องการของตลาด สิ่งนี้ถือเป็นประโยชน์อย่างมาก
ภาพการไปศักษาดูงาน
 










วันจันทร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

บทที่ 7 ระบบสารสนเทศสำหรับสนับสนุนการตัดสินใจด้านการบริหาร (สรุป,แบบฝึกหัดและกรณีศึกษา)



สรุปบทที่ 7
ระบบสารสนเทศสำหรับสนับสนุนการตัดสินใจด้านการบริหาร
การจัดการกับการตัดสินใจ
การจัดการ (Management)
             การจัดการ (Management) หมายถึง การบริหารอย่างเป็นระบบ ประกอบด้วยกิจกรรมของกลุ่มบุคคลที่ร่วมมือกันทำงานเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ โดยใช้กระบวนการและทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด
การจัดการเป็นศาสตร์และศิลปะ ประกอบด้วย
             - การวางแผน (Planning)
             - การจัดองค์การ (Organizing)
             - การสั่งการหรือการอำนวยการ (Leading/Directing)
              - การควบคุม (controlling)
          ผู้บริหารจะต้องนำเอาความรู้ ความเข้าใจในศาสตร์การบริหาร มาประยุกต์ใช้กับการทำงานตามสถานการณ์ และสิ่งแวดล้อม ผู้บริหารต้องเลือกและวิเคราะห์ข้อมูลให้เกิดประโยชน์ต่อการบริหราและการตัดสินใจ 


ระดับของการจัดการ   แบ่งเป็น 3 ระดับ  คือ
การจัดการระดับสูง (Upper-level Management)
          ผู้บริหารระดับสูง มีหน้าที่ กำหนดวิสัยทัศน์ นโยบาย เป้าหมาย วัตถุประสงค์ วางแผนกลยุทธ์ และแผนระยะยาวขององค์การ
          สารสนเทศที่ใช้ มีขอบเขตกว้าง เกี่ยวกับแนวโน้มต่างๆ ทั้งภายในและสิ่งแวดล้อมภายนอกองค์กร
การจัดการระดับกลาง (Middle-level Management)
          ผู้บริหารระดับกลางมีหน้าที่ วางแผนยุทธวิธี และประสานงานระหว่างผู้บริหารระดับสูงและระดับต้น เช่น หัวหน้าหน่วยงาน
การจัดการระดับต้น (Lower-level Management)
          ผู้บริหารระดับต้น หรือหัวหน้างานมีหน้าที่ ควบคุมดูแลการปฏิบัติงานประจำวัน ซึ่งขั้นตอนการทำงานมีรูปแบบแน่นอน ทำงานใกล้ชิดกับผู้ปฏิบัติงาน
          ข้อมูลที่ใช้ คือ ข้อมูลจากการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียดนำมาวิเคราะห์ เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติงาน การควบคุมให้เป็นไปตามแผนระยะสั้นที่วางไว้

การตัดสินใจ(Decision Making)
กระบวนการตัดสินใจประกอบด้วย 4 ขั้นตอน คือ
          1. การใช้ความคิดประกอบเหตุผล (Intelligence)   เป็นขั้นตอนที่รับรู้และตระหนักถึงปัญหาหรือโอกาสที่เกิดขึ้น ทำการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับปัญหา นำข้อมูลมาวิเคราะห์และตรวจสอบเพื่อแยกแยะและกำหนดรายละเอียดของปัญหาหรือโอกา
            2. การออกแบบ (Design)   เป็นขั้นตอนของการพัฒนาและวิเคราะห์ทางเลือกในการปฏิบัติที่เป็นไปได้ รวมถึงการตรวจสอบและประเมินทางเลือกในการแก้ปัญหา ซึ่งอาจใช้ตัวแบบเพื่อสร้างทางเลือกต่าง ๆ ในการแก้ปัญหา หรือออกแบบหนทางแก้ปัญหาที่ดีที่สุด
            3. การคัดเลือก (Choice)   ผู้ตัดสินใจจะเลือกแนวทางเลือกที่เมาะสมกับปัญหาและสถานการณ์มากที่สุด โดยอาจใช้เครื่องมือมาช่วยวิเคราะห์ คำนวณค่าใช้จ่ายและผลตอบแทนของแต่ละแนวทางเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าได้เลือกแนวทางที่ดีที่สุด
            4. การนำไปใช้ (Implementation)  เป็นขั้นตอนที่นำผลการตัดสินใจไปปฏิบัติและคิดตามผลของการปฏิบัติเพื่อตรวจสอบว่าการดำเนินงานมีประสิทธิภาพหรือมีข้อขัดข้องประการใด จะต้องแก้ไข้หรือปรับปรุงให้สอดคล้องและเหมาะสมกับสถานการณ์อย่างไร

ระดับของการตัดสินใจภายในองค์การ
การตัดสินใจสามารถถูกจำแนกให้สอดคล้องกับระดับของการจัดการออกเป็น 3 ระดับ คือ


            1. การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ (Strategic Decision Making)  การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์เป็นการตัดสินใจของผู้บริหารระดับสูง ที่ให้ความสนใจในอนาคต เช่น การกำหนดวิสัยทัศน์ขององค์การ การกำหนดนโยบายและการวางแผนระยะยาว เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนด โดยทั่วไปสิ่งแวดล้อมในการตัดสินใจของผู้บริหารระดับสูงจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือมีความไม่แน่นอน และไม่สามารถกำหนดขั้นตอนการตัดสินใจที่ชัดเจนไว้ล่วงหน้าได
            2. การตัดสินใจเชิงยุทธวิธี (Tactical Decision Making) การตัดสินใจเชิงยุทธวิธีเป็นการตัดสินใจของผู้บริหารระดับกลาง ซึ่งจะเกี่ยวกับการจัดการเพื่อให้การดำเนินงานบรรลุตามเป้าหมายและวัตถุประสงค์ตามที่ผู้บริหารระดับสูงกำหนดไว้ การตัดสินในระดับนี้จะเกี่ยวข้องกับปัญหาในลักษณะแบบกึ่งโครงสร้าง เช่น กาจัดสรรทรัพยากรที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ขององค์การ การจัดสรรงบประมาณ การกำหนดการผลิต การกำหนดยุทธวิธีทางการตลาด การวางแผนงบประมาณระยะกลาง และการทำโครงการต่าง ๆ เพื่อให้สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้
            3. การตัดสินใจเชิงปฏิบัติการ (Operational Decision Making)  การตัดสินใจเชิงปฏิบัติการเป็นการตัดสินใจของผู้บริหารระดับปฏิบัติการหรือหัวหน้างานซึ่งเกี่ยวข้องกับงานประจำหรือการปฏิบัติงานเฉพาะด้านต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นกิจวัตรเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าสามารถปฏิบัติงานเหล่านั้นได้ตามแผนที่วางไว้อย่างสำเร็จและมีประสิทธิภาพ เช่น การตัดสินใจในกระบวนการสั่งซื้อการควบคุมสินค้าคงคลัง การตัดสินใจในระดับนี้เป็นการตัดสินใจเกี่ยวข้องกับปัญหาลักษณะแบบมีโครงสร้าง ซึ่งหลักเกณฑ์และวิธีการต่าง ๆ สามารถกำหนดไว้ล่วงหน้าและทำการตัดสินใจได้โดยอัตโนมัติเนื่องจากจะเป็นปัญหาในเรื่องที่ซ้ำ ๆ กัน ตัวอย่างของการตัดสินใจ เช่น การกำหนดเวลาสั่งสินค้าคงคลังจำนวนวัตถุดิบที่จะสั่งซื้อแต่ละครั้ง การวางแผนเบิกจ่ายวัสดุ และการมอบหมายงานให้พนักงานเป็นรายบุคคล

ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ Decision Support System
          ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ คือ ซอฟต์แวร์ที่ช่วยในการตัดสินใจเกี่ยวกับการจัดการ การรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล และการสร้างตัวแบบที่ซับซ้อน ภายใต้ซอฟต์แวร์เดียวกันเป็นการประสานงานระหว่างบุคลากรกับเทคโนโลยีทางด้านซอฟต์แวร์  เป็นการโต้ตอบกัน เพื่อแก้ปัญหาแบบไม่มีโครงสร้างประกอบด้วย ชุดเครื่องมือ ข้อมูล ตัวแบบ และทรัพยากรอื่นๆ ที่นักวิเคราะห์นำมาใช้ประเมินผลและแก้ไขปัญหา
โครงสร้างระบบสนับสนุนการตัดสินใจ
          1. ส่วนจัดการข้อมูล (Data Management Subsystem)
          2. ส่วนจัดการโมเดลหรือส่วนจัดการแบบจำลอง (Model Management Subsystem)
          3. ส่วนการจัดการโต้ตอบ (Dialogue Management Subsystem)
          4. ส่วนระบบจัดการฐานความรู้ (Knowledge-based Subsystem)

ผู้ใช้งานระบบ (The User)
ประเภทของระบบDSS เป็น 2 ประเภท คือ
          1. ระบบสนับสนุนการตัดสินใจที่ใช้รูปแบบเป็นหลัก ( Model driven DSS)  เป็นระบบที่ใช้การจำลองสถานการณ์ และรูปแบบวิเคราะห์ต่างๆ
          2.ระบบสนับสนุนการตัดสินใจที่ใช้ข้อมูลเป็นหลัก    ( Data driven DSS)     เป็นระบบที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถดึงข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากแหล่งต่างๆเพื่อนำมาวิเคราะห
ลักษณะและความสามารถของระบบ DSS
          1.สนับสนุนการตัดสินใจแบบกึ่งโครงสร้างและไม่มีโครงสร้าง
          2.สนับสนุนการทำงานของผู้บริหารในหลายระดับ
          3.สนับสนุนแบบเฉพาะบุคคล กับแบบกลุ่ม
          4.สนับสนุนการตัดสินใจที่เกี่ยวพันซึ่งกัน และปัญหาต่อเนื่อง
          5.สนับสนุนทุกขั้นตอนของกระบวนการตัดสินใจ
          6.สนับสนุนการตัดสินใจหลายรูปแบบ
          7.สามารถปรับข้อมูลเพื่อจัดการกับเงื่อนไขต่างๆ
          8.สามารถใช้งานได้ง่าย มีภาพประกอบ
          9.เพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจ ทั้งในด้านความถูกต้องแม่นยำ รวดเร็ว และคุณภาพของการตัดสินใจ
          10.ผู้ทำการตัดสินใจสามารถควบคุมทุกขั้นตอนในการตัดสินใจ แก้ปัญหา
          11.ผู้ใช้สามารถสร้างและปรับปรุงระบบ DSS ขนาดเล็กได้
          12. มีการใช้แบบจำลองต่างๆ ช่วยในการวิเคราะห์สถานการณ์ตัดสินใจ
          13. สามารถเข้าถึงข้อมูลจากหลายแหล่งได้ ทั้งภายในองค์การและภายนอกองค์การ
ส่วนประกอบของ GDSS
  ระบบ DSS ประกอบด้วยส่วนประกอบหลัก ส่วน

          
ประโยชน์ของ GDSS
          1. ช่วยเตรียมความพร้อมในการประชุม
          2. อำนวยความสะดวกด้านการสื่อสารระหว่างสมาชิกในกลุ่ม
          3. ส่งเสริมและสร้างบรรยากาศในการร่วมมือกันระหว่างสมาชิก
          4. จัดเตรียมข้อมูลและสารสนเทศที่เหมาะสมในการประชุม
          5. ช่วยจัดลำดับความสำคัญของปัญหา
          6. อำนวยความสะดวกในการจัดทำเอกสารประกอบการประชุม
          7. ช่วยประหยัดเวลาในการประชุม และสามารถลดจำนวนครั้งของการประชุมได้
          8. สนับสนุนการประมวลผลแบบคู่ขนาน
          9. การประชุมร่วมระหว่างสมาชิกกลุ่มและการทำงานร่วมกัน
          10. เพิ่มศักยภาพของการแสดงความคิดเห็น
          11. อนุญาตให้กลุ่มสามารถใช้เทคนิคการแก้ปัญหาแบบมีโครงสร้าง
          12. ง่ายในการเข้าถึงข้อมูลจากภายนอก
          13. การติดต่อสื่อสารไม่ต้องเป็นแบบตามลำดับ
          14. ให้ผลลัพธ์จากการออกเสียง
          15. สามารถวางแผนล่วงหน้าในการประชุมกลุ่มได้
          16. ผู้เข้าประชุมสามารถปฏิสัมพันธ์กันได้ทันที
          17. สามารถเก็บข้อมูลในการประชุมไว้ในการพิจารณาหรือวิเคราะห์ครั้งต่อไปได้

                                                                     แหล่งที่มา : https://www.gotoknow.org/posts/502175
และ http://armka2518.exteen.com

แบบฝึกหัดบทที่ 7

1. อะไรคือความแตกต่างระหว่างความสามารถของผู้บริหารในการเรียกข้อมูลออกมาใช้ตามความต้องการของระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการและความสามารถจัดการเรื่องบริหารการตัดสินใจโดยใช้ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ
ตอบ    - เพื่อสนับสนุนการจัดการในระหว่างขั้นตอนตัดสินใจระบบสนับสนุนการตัดสินใจที่ใช้คือ
            - รูปแบบจำลองในการวิเคราะห์
            - ฐานข้อมูลเฉพาะ
            - ผู้ที่ตัดสินใจหรือผู้ตัดสิน
            - การติดต่อระหว่างกัน ขั้นตอนการสร้างรูปแบบจำลองในระบบคอมพิวเตอร์เป็นสนับสนุนที่จัดทำขึ้นแบบกึ่งโครงสร้างและแบบไม่มีโครงสร้างจากผู้จัดการแต่ละคน

2. ระบบงานการขายมีความก้าวหนักว่าแต่ก่อนมากเมื่อต้องการข้อมูลสำหรับการทำงานในองค์กรเนื่องจากความต้องการเรื่องกลยุทธ์เทคนิคและการบริหารการตัดสินใจในธุรกิจเปลี่ยนไป ในกรศึกษาอธิบายเหตุการณ์เปลี่ยนแปลง
ตอบ    ปัจจุบันการดำเนินธุรกิจมีการแข่งขันค่อนข้างสูง  ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้บริหารจะต้องอาศัยชั้นเชิงในการบริหารที่เหนือกว่าคู่แข่ง หรืออาศัยความว่องไวในการปรับตัวให้ทันต่อภาวะการแข่งขันที่เกิดขึ้นในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

3. มีแนวทางไหนบ้างที่นักศึกษาใช้โปรแกรมตารางคำนวณอิเล็กทรอนิกส์ที่นำมาช่วยในการตัดสินใจ
ตอบ    การทำงานร่วมกันของระบบอินทราเน็ตกลายเป็นสิ่งเข้าอย่างรวดเร็ว  ที่ทำให้กล่าวได้ว่า  ระบบสารสนเทศของทุกๆคน ( Everyone s  Inforomation  System )  ซึ้งเป็นแหล่งข้อมูลสารสนเทศที่สำคัญ

4. ทำไมการใช้ระบบสารสนเทศสำหรับผู้บริหารระดับสูง จึงขยายไปยังระดับกลาง และขยายไปทั่วหมดทุกแผนกในองค์การ
ตอบ    บริหารระดับสูง กำหนดเป้าหมาย กลยุทธ์ นโยบายและการวางแผนภายในองค์กรและรวมของทิศทางด้านการเมือง  เศรษฐกิจ  และการแข่งขันทางธุรกิจ
          บริหารระดับกลาง กำหนอตารางงบประมาณและนโยบายขั้นตอนการทำงานและเป้าหมายทางธุรกิจสำหรับหน่วยย่อยภายในองค์กร  การจัดสรรแหล่งข้อมูลและตรวจดูการทำงานของหน่วยย่อยภายในองค์กร  ขั้นตอนการทำงานของทีมงาน  ทีมงานโครงการและกลุ่มทำงาน

5. ทำไมเครื่องคอมพิวเตอร์จึงสามารถคิดได้ อธิบายเหตุผล
ตอบ    คอมพิวเตอร์คือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์อเนกประสงค์ที่ได้สร้างขึ้นเพื่อให้มนุษย์สามารถนำมาใช้เป็นเครื่องมือ (tools) สำหรับเพิ่มปรสิทธิภาพในการทำงานด้านต่างๆๆ ให้ได้ตามต้องการของมนุษย์ เช่น ด้านการศึกษางานวิจัย วิทยาศาสตร์การแพทย์ ฯลฯ

6. การประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ในองค์กร  ส่วนไหนสำคัญที่สุด   บอกเหตุผลที่นักศึกษาเลือก
ตอบ    ความเจริญก้าวหน้าของคอมพิวเตอร์เป็นไปในทุกด้าน ทั้งทางด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์การที่มีพัฒนาการเจริญก้าวหน้า จึงทำให้นักคอมพิวเตอร์ตั้งความหวังที่จะทำให้คอมพิวเตอร์มีความฉลาดและสามารถตัดสินใจเพื่อช่วยทำงานของมนุษย์ได้มากขึ้น โดยเฉพาะวิทยาการด้านปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) ซึ่งเชื่อกันว่าจะเป็นวิทยาการที่จะช่วยให้มนุษย์ใช้คอมพิวเตอร์แก้ปัญหาต่างๆ ที่สำคัญ เช่นการให้คอมพิวเตอร์เข้าใจภาษามนุษย์ รู้จักการใช้เหตุผล การเรียนรู้ ตลอดจนการสร้างหุ่นยนต์

7. การผสมผสานระหว่างระบบผู้เชี่ยวชาญและเครือเส้นประสาท  จะก้าวหน้าต่ออย่างไรไม่หยุดยั้ง นักศึกษาคาดหวังว่าจะเกิดเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยอย่างไรบ้าง
ตอบ    ระบบผู้เชี่ยวชาญและเครือข่ายเส้นประสาท  ซึ่งสามารถร่วมกันทำงานภายในระบบที่มีการเตรียมการทำงานที่ดีที่สุดของเทคโนโลยี

8. อะไรคือขอบเขตจำกัด หรืออันตรายที่นักศึกษามองเห็น ในการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ เช่น ระบบผู้เชี่ยวชาญ ความจริงเสมือน และตัวแทนสติปัญญา และอะไรที่จะลดขนาดของผลกระทบเหล่านี้ลงได้
ตอบ    เป็นการจำลองเหตตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์  ความจริงเสมือนจิงเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตอย่างรวดเร็วของปัญญาประดิษฐ์ที่พยายามที่จะสร้างให้เป็นธรรมชาติ ดูเสมือนจริงมีความรู้สึกเหมือนมนุษย์ ที่อาศัยอุปกรณ์ป้อนข้อมูลและส่งข้อมูลที่มีหลากหลายทางความรู้สึก เช่น หูฟังกับเครื่องเล่นวีดีทัศน์ ถุงมือส่งข้อมูลและชุดเสื้อกางเกงกับตัวตรวจจับไฟเบอร์ออฟติคที่ติดไว้ตามร่างกายของคุณเวลาที่คุณเคลื่อนไหว
แหล่งที่มา : สุกัญญา

กรณีศึกษา

1. อะไรเป็นมูลค่าทางธุรกิจของการประมวลผลการวิเคราะห์ออนไลน์ของบริษัท Office  Depot
ตอบ  บริษัทสูญเสียพนักงานที่มีประสิทธิภาพกว่า 12 คนซึ่งเคยเป็นผู้ช่วยเหลือในการสร้างารายงานของการขายสินค้าใน 600 ร้านทั่วโลก

2. บริษัท  Office  Depot  ได้ผลจากการลงทุนสำหรับเทคโนโลยีสารสนเทศที่นำ OLAP  ไปใช้งานอย่างไร
ตอบ โดยเป็นการใช้งานจากลูกค้าจำนวน 200 รายและผู้บริหารทางด้านการเงิน บริษัท Office  Depot ได้จัดสร้าง  สิ่งที่ถูกต้อง สมควร ( Respectable )  ซึ่งทำให้การขายสูงถึง 4 เปอร์เซ็นต์ในช่วงปีหลัง  โดยกลุ่มคนที่เป็นผู้ค้าร่วมกับเครื่องมือในการวิเคราะห์ของตัวเอง

3. บริษัท  Office  Depot  ควรที่จะมีการเตรียมให้ผู้จัดส่งสินค้าผ่านเอ็กซ์ทราเน็ตเพื่อเข้าถึงข้อมูลทางการตลาดหรือไม่  เพราะอะไร
ตอบ  เตรียมผู้จัดหาตลาดสินค้าที่มีการทำงานร่วมกับการเข้าถึงข้อมูลทางการตลาดในระบบอินทราเน็ตที่ใช้  Wirfd  ของการเชื่อมโยงใน  OLAP  บริษัทพร้อมจะแบ่งส่วนในการทำงานของการขายร่ามกับผู้จัดหาสินค้าหลักอีกสองแหล่งทั้งหมด
                             
                                   ที่มา : สุกัญญา



สรุปการศึกษาดูงานบริษัท ชลประทานซีเมนต์ จำกัด (มหาชน)และ SCG PAPER โรงงานบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี

สรุปการศึกษาดูงาน บริษัท ชลประทานซีเมนต์ จำกัด (มหาชน)        เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลง รัฐบาลไทยในขณะนั้นได้กำหนด...